ทดสอบ การได้ยิน

ทดสอบ การได้ยิน เทคนิคและเกณฑ์การประเมิน

0 Comments

ในการตรวจเพื่อหาความผิดปกติของหูและการได้ยินหรือการ ทดสอบ การได้ยิน เป็นการตรวจการทำงานของหูและการได้ยินของระบบโสตประสาทในหูทั้งสองข้าง โดยเมื่อเราพบว่าหูหรือการได้ยินของเราเริ่มมีความผิดปกติ อาจจะได้ยินเสียงลดลง หรืออาจได้ยินเสียงรบกวนในหู ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อเข้ารับการ ทดสอบ การได้ยิน เพื่อที่จะได้สามารถหาสาเหตุและการรักษาได้อย่างถูกวิธี แล้วเทคนิควิธีที่ใช้ในการทดสอบ การได้ยิน และเกณฑ์ความบกพร่องทางการได้ยินมีอะไรบ้าง 

  • Descending Technique 

เป็นเทคนิดการทดสอบ การได้ยินที่จะนำไปใช้ในการประเมินความสามารถในการได้ยินเสียงของผู้ป่วย โดยในการทดสอบจะมีการปล่อยระดับเสียงที่มีความดังก่อน เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถได้ยินแล้วจึงค่อยๆ ลดระดับความดังของเสียงลงทีละ 10 dBHL ลดความดังลงจนถึงจุดที่ผู้ป่วยไม่สามารถได้ยินเสียง แล้วจึงเพิ่มระดับความดังจากจุดที่ไม่สามารถได้ยิน ทีละ 5 dBHL จนกว่าผู้ป่วยจะเริ่มกลับมาได้ยินเสียงอีกครั้ง ทำวนกลับไปกลับมาจนได้จุดที่ผู้ป่วยได้ยิน ในระดับเสียงที่เบาที่สุดที่สามรถตอบสนองได้ 50-70% ของจำนวนครั้งที่ให้สัญญาณ 

  • Ascending Technique

การทดสอบ การได้ยิน ด้วยเทคนิคนี้มักจะใช้กับผู้ที่สูญเสียการได้ยินที่อายุยังน้อยหรือเด็กนั่นเอง และผู้ที่หูหนวกในระดับรุนแรงมากรวมทั้งผู้ที่อาจแสร้งทำเป็นหูหนวก โดยจะมีรูปแบบการทดสอบที่ค่อนข้างคล้ายกัน คือ จะเริ่มจากเสียงที่ผู้ป่วยไม่สามารถได้ยินก่อนแล้วจึงเพิ่มระดับความดังขึ้นทีละ 10 dBHL จนถึงจุดที่มีระดับความดังที่ผู้ป่วยสามารถได้ยินหรือไม่ได้ยินบ้าง 

  • Combination Technique

เทคนิคการทดสอบ การได้ยิน นี้จะเป็นการผสมผสานระหว่างวิธีที่ 1 และ 2 เข้าด้วยกัน เพื่อตรวจหาและประเมินความสามารถหรือสมรรถภาพในการได้ยินของผู้ป่วยที่อาจสูญเสียการได้ยิน โดยในการทดสอบจะมีการใช้ระดับเสียงที่มีความดังและเบาสลับกันไป ก่อนเข้ารับการทดสอบผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงและงดฟังเสียงที่ดังเกิน 80 dBA  เป็นเวลา 8-16 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการเกิดอาการหูตึงแบบชั่วคราว อาจจะมีการสวมใส่ที่ครอบหูหรือที่อุดหูก่อนมีการทดสอบ การได้ยิน

การแบ่งระดับความบกพร่องทางการได้ยิน จะมีเกณฑ์ ดังนี้

ในหูที่สามารถได้ยินปกติ จะมีระดับความดังที่เบาที่สุดที่สามารถได้ยินอยู่ที่ 25 เดซิเบล หรือสามารถได้ยินเสียงกระซิบได้ปกตินั่นเอง ในผู้ที่มีอาการหูตึงน้อย ระดับความดังที่เบาที่สุดที่สามารถได้ยินได้อยู่ที่ 25-40 เดซิเบล ซึ่งยังคงสามารถได้ยินเสียงกระซิบได้อยู่ กลุ่มคนที่มีอาการหูตึงระดับปานกลาง จะได้ยินความดังอยู่ที่ระดับ 41-55 เดซิเบล สามารถมีการสนทนาเป็นกลุ่มและยังคงได้ยินเสียงพูดปกติได้ ในคนที่หูตึงมาก เสียงที่จะได้ยินเป็นเสียงของเครื่องดูดฝุ่น ที่ระดับความดังที่เบาที่สุดที่ 56-70 เดซิเบล ผู้ที่หูตึงอย่างรุนแรงจะได้ยินเสียงที่มีระดับอยู่ที่ 71-90 เดซิเบล ซึ่งจะเป็นเสียงของรถบรรทุกที่วิ่งเต็มที่หรือเสียงในโรงหนังและห้องประชุม และในผู้ที่มีอาการหูหนวก จะสามารถได้ยินเสียงที่เบาที่สุดที่ 91-120 เดซิเบล ซึ่งเป็นเสียงของเครื่องบิน เรือ และเครื่องจักร เป็นต้น

Related Posts

เรื่องเข้าใจผิดของการทำเลสิก  ที่หลายคนนั้นไม่เคยรู้

0 Comments

การทำเลสิกนั้นเป็นอีกหนึ่งในวิธีการที่จะช่วยให้เรานั้น กลับมามองเห็นได้อย่างปกติ จากเดิมที่ค่าสายตาของเรานั้นอาจจะเป็นเป็นค่าสายตาสั้น ค่าสายตาเอียง หรือ ค่าสายตายาว ซึ่งการที้เรานั้นจะกลับมามองเห็นได้ อย่างปกตินั้น ก็จมีวิธีการในการรักษาผ่าตัดทำให้ค่าสายตาของเรานั้นกลับมามองเห็นได้ปกติ นัเนคือการ…

เวย์โปรตีน

เวย์โปรตีนคืออะไร ประโยชน์ของเวย์โปรตีน

0 Comments

เราคงเคยได้ยินเรื่องราวของเวย์โปรตีนกันมามากแล้ว ซึ่งหลายคนก็ยังคงเข้าใจผิดคิดว่าเวย์นั้นเป็นยาลดน้ำหนัก แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย วันนี้จะพามาทำความรู้สักเจาะลึกกับเวย์โปรตีน และวิธีกินอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกันเลย เวย์โปรตีนคืออะไร  เวย์โปรตีน (Whey Protein)…

เตียงปรับไฟฟ้า

5 ฟังก์ชั่นสำคัญของเตียงปรับไฟฟ้า

0 Comments

เตียงปรับไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีความสำคัญและได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายและช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้ป่วย ทั้งในด้านการพักผ่อน การเคลื่อนย้าย และการให้การรักษา ซึ่งจะส่งผลดีต่อคุณภาพการดูแลสุขภาพโดยรวม ฟังก์ชั่นหลักที่สำคัญของเตียงปรับไฟฟ้า 1. การปรับระดับพนักพิง…